ประเทศสวีเดน

 

1.  ยุคก่อนประวัติศาสตร์

 

2.  ยุคไวกิ้ง

 

3.  ยุคกลางประวัติศาสตร์ตอนต้น

 

4.  สมัยพระมหากษัตริย์

 

5.  สมัยสหภาพ

 

6.  สมัยวอซ่า

 

7.  สมัยมหาอำนาจ

 

8.  สมัยเสรีภาพ

 

9.  สมัยกุสตาฟ III

 

10. ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18

 

11. ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19

 

ประวัติศาสตร์ของประเทศสวีเดน

 

สมัยพระมหากษัตริย์ หรือ ปกครองโดยพระมหากษัตริย์  / Folkungatiden

 

 

ค.ศ. 1250 Valdemar วัลเดมาร์ ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งนับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์  เดิมที่มีบิดาคือ Birger Jarl -รเยอร์ ยอร์ล ผู้ซึ่งมีอำนาจในการปกครองจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตในปี ค.ศ. 1266


ค.ศ. 1252 ได้มีการกล่าวถึงสต็อคโฮมเป็นครั้งแรก เมืองสต็อคโฮมนี้มีการขยายอาณาเขตการตั้งรับที่สามารถค้นหาร่องรอยประวัติศาสตร์กลับไปได้จนถึงปี ค.ศ 1010


ค.ศ. 1273 Valdemar- วัลเดมาร์ ส่งผู้สำเร็จราชการแทนไปยังศาลชั้นสูงแห่งยุโรป วัตถุประสงค์เพื่อการเจรจาต่อรองกับดยุค แห่ง Braunschweig เกี่ยวกับการอภิเสกสมรส   ในปีเดียวกันนั้นเองที่พระมหากษัตริย์ วัลเดมาร์ ถูกบังคับให้ต้องเสด็จไปเพื่อพอกับพระสันตะปาปา  เนื่องจากพระองค์ทรงทำให้พระขนิษฐาของพระมเหสีในพระองค์ทรงตั้งพระครรภ์ สำนักราชาคณหัวหน้าบาทหลวงย้ายจากเมืองเก่าอุปซอร่าไปยัง Östra-อิสทร้า ตะวันออกซึ่งในเวลาต่อมาคือเมือง Uppsala -อุปซอร่า

ค.ศ. 1275 พระเชษฐาในพระมหากษัตริย์วัลเดมาร์  มังนุส ลอดูโลส และ เอียริค ทำการปฏิวัติและเนรเทศพระองค์ไปยังประเทศนอร์เวย์ หลังจากนั้นจึงมีการแต่ตั้งมัคนุส ลอดูลัวส ให้เป็นพระมหากษัตริย์องค์ถัดมา  ความรุนแรงก็ไม่สิ้นสุดลง


ค.ศ. 1279 ณ Alsnö - อัลสเนอ ถูกปิดล้อมอย่างถาวร ทุกคนซึ่งเป็นทหารรับจ้างด้วยม้าและอาวุธยุทโธปกรณ์ของตนได้รับการยกเว้นภาษี  จากเหตุการณ์ดังกล่าทำให้เกิดระบบชนชั้นขุนนางขึ้นในสวีเดน

 

ค.ศ.1285 พระมหากษัตริย์ มังนุส ลอดูโลส เสด็จพระราชดำเนินไปยังปราสาทคาลมาร์ ในฐานะตัวแทนของนอร์เวย์และอีก 23 รัฐ โดยมีข้อตกลงในการยก ก็อตลานด์ (Gotland) และวิสบี (Visby) ให้อยู่ภายใต้การปกครองของสวีเดน


ค.ศ. 1288 เกิดสงครามระหว่างชนชั้นกลางของสังคมนเมืองวิสบี กับ ชาวเกษตรกรในเมืองก็อตแลนด์ ขึ้น Magnus Ladulås มังนุส ลอดูโลส แทรกเข้าจัดการ และ บังคับให้เมืองวิสบีอยู่ใต้อำนาจ


ค.ศ. 1290 Magnus Ladulås - มังนุส ลอดูโลส สิ้นพระชนม์และพระโอรสในพระองค์ Birger บิรเยอร์ ยังทรงพระเยาว์ มีพระชันษาแค่ 10 ชันษา  ผู้สำเร็จราชการแทนภายใต้การนำของนายพล Torgils Knutsson ทูรยิลส์  คนุทส์ซัน ปกครองราชอาณาจักรติดต่อกันเป็นเวลาถึง 8 ปี


ค.ศ. 1292 นายพล ทูรยิลส์  คนุทส์ซัน เข้ายึดครอง คอเรียเลียนได้สำเร็จ และแต่งตั้งให้เป็นเมือง Viborg วีโบรย เมื่อปี ค.ศ 1293 ภายใต้สงครามครูเสดที่ยกไปตีฟินแลนด์ครั้งที่สาม  เนื่องจากการทำสงครามที่ยาวนานกับ Novgorod นูปว์กูรูด์เป็นที่สาเหตุนำไปสู่สงครามครูเสด


 ค.ศ 1306 โฮทูนาเลียกเก่น - พระมหากษัตริย์  บิรเยอร์ ถูกจองจำด้วยน้ำมือแห่งพระเชษฐา เอียริคและ วัลเดมาร์   ทั้งสองพระองค์บีบบังคับให้มีการแบ่งดินแดน


ค.ศ. 1317 งานเฉลิมฉลอง ณ Nyköping  พระมหากษัตริย์ บิรเยอร์ แก้แค้น โฮทูนาเลียกเก่น ด้วยการ ขังพระเชษฐาทั้งสอง เอียริคและวัลเดมาร์ ณ ที่คุมขังในเมือง Nyköping และ ทั้งสองเสียชีวิตลงที่นั่น  พระมหากษัตริย์ บิรเยอร์  ได้อาณาจักรของตนคืนมาอีกครั้งแต่ในไม่ช้าถูกเนรเทศโดยพรรคพวกของพระเชษฐา


ค.ศ 1319 มังนุส  เอียริคซัน  อายุแค่ 3 ขวบเมื่อได้รับการสถาปนาให้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรสวีเดน  ได้รับการสืบรัชทายาทต่อจากพระอัยกี พระมหากษัตริย์ โฮกั้น V (ที่5)  ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์แห่งนอร์เวย์  ผู้สำเร็จราชการแทนปกครองสวีเดนถึงปี ค.ศ 1332
 

ค.ศ. 1323  รัสเซีย-สวีเดนเขียนสนธิสัญญาสงบศึกที่ เมืองเนเตอร์บอร์ย (Nöteborg)

 

ค.ศ. 1332  มันุส เอียริคซัน ซื้อ Skåne และ Blekinge ด้วยเงินจำนวน 34000 มาร์คเยอรมัน  ปี ค.ศ 1341 ก็ซื้อแม้กระทั่ง Halland พระมหากษัตริย์ วัลเดมาร์ อัตเตอรด๊อค (Valdemar Atterdag) แห่งเดนมาร์ค ยอมรับว่าการซึ้อเป็นการซื้อเพื่อความสงบสุข ที่เมือง Varberg วอร์แบร์ยในปี ค.ศ 1343 

 

ค.ศ. 1335 สั่งห้ามโดยกฎหมายให้มีการเลิกทาส (Träldom - ทาส)  


ค.ศ. 1347 มันุส เอียริคซัน การประกาศใช้กฏหมายแห่งรัฐและประเทศฉบับเดียวกันทั่วราชอาณาจักร  ซึ่งกฏหมายฉบับใหม่นี้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อใช้แทนกฏหมายฉบับเก่า

ค.ศ. 1348 - 1351 มังนุส  เอียริคซัน ทำสงครามครูเสดกับประเทศรัสเซีย

ค.ศ.1350 - 1351 เกิดการระบาดของโรคกาฬทั่วประเทศสวีเดน

 

ค.ศ. 1355 โฮกั้น พระโอรสองค์เล็กใน พระมหากษัตริย์ มังนุส  เอียริคซัน ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งนอร์เวย์ และได้ยกเลิกการเป็นสหภาพกับประเทศสวีเดน


ค.ศ. 1356  เอียริค พระโอรสคนโตใน พระมหากษัตริย์ มังนุส เอียริคซัน การก่อกบฏต่อต้านพระบิดาของตน โดยได้รับการสนับสนุน จากเหล่าขุนนาง ในปีถัดมาจึงมีกาแบ่งดินแดนออกเป็น 2 ส่วน  

ค.ศ. 1359 เอียริค และครอบครัว สิ้นพระชนม์ เชื่อกันว่าด้วยโรคกาฬโรค  มังนุส เอียริคซัน ได้รับการสถาปนาให้กลับมาเป็นพระมหากษัตริย์อีกครั้ง


ค.ศ. 1360 - 1361 พระราชาแห่งเดนมาร์ค วัลเดมาร์ อัทเตอร์ด๊อก พิชิต Skåne, Halland, Blekinge และ Gotland ได้เป็นผลสำเร็จ


ค.ศ. 1363 เหล่าขุนนางล้มล้างระบบพระมหากษัตริย์จากบัลลังค์ และ สถาปนา Albrekt av Mecklenburg อัลเบลียคท์ แห่ง เมกเคล็นเบิร์ก เป็นพระมหากษัตริย์  โดยเป็นให้ปกครองแต่ในนาม ส่วนในทางปฏิบัตินั้นเหล่าขุนนางเป็นผู้คุมอำนาจเองทุกอย่าง


ค.ศ 1389 เมื่อพระมหากษัตริย์ อัลเบลียคท์ แห่ง เมกเคล็นเบิร์ก พยายามขยายอำนาจ เหล่าขุนนางจึงแปลพรรคไปทางพระนางมากาเรียตต้า ซึ่งในขณะนั้นเป็นพระราชินีปกครองทั้งเดนมาร์คและนอร์เวย์  ในการสู้รบที่ Åsle โอสสเล่ะ ใกล้กับเมืองFalköping ฟอล์คเชอปิง พระมหากษัตริย์อัลเบลียคท์ เมกเคลียนเบิร์ก ปราชัย จึงเป็นผลให้ พระราชินี มากาเรียตต้าจึงปกครองดินแดนสแกนดิเนเวียทั้งหมด
 

© เเปลโดย DN