ก่อนคริสตศักราชชาวโรมันที่เป็นคนนอกศาสนาหรือคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ
มีงานฉลองวันขึ้นปีใหม่กันในวันที่ 1 มีนาคม
เเละประเพณีการฉลองนี้ก็ได้ทำสืบต่อมาจนมากระทั้ง 153 ปี ก่อนคริสตศักราช
ประเทศสวีเดนมีการฉลองปีใหม่กันในวันที่ 25 มีนาคม
สืบมาจนกระทั่ง
ศตรวรรตที่ 1500
ประเทศอังกฤษฉลองกันวันที่ 25 มีนาคม เเต่ยกเลิกไปในประมาณปี ค.ศ
1753 อาณาจักรบีซานตินสก่ะ เมืองของชาวโรมันในยุคกลาง
หรือที่ทราบกัน
ในนามว่า
คอนสตันติโนเพล/อิสตั้นบูล, เเละ อย่างเช่น รัสเซียฉลองวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 กันยายน มาจนกระทั่งปี ค.ศ 1700
วันส่งท้ายปีเก่าคือ ซิลเวสเตอร์
เเละถือกันว่า การเฉลิมฉลองวันปีใหม่ที่ดีคือ
การไปงานบอล์ซิลเวสเตอร์ |
ในสมัยโบราณกาล
ชาวเกษตรกรในประเทศสวีเดนจะคำนึงถึงกันเเต่ว่า
ผลผลิตของตนจะเป็นอย่างไรบ้างในปีใหม่
มันเป็นการมาบรรจบกันระหว่างความคิดเก่าๆ
เเละความคิดใหม่ๆ
ผู้คนเชื่อกันว่า การทำนาย เเละ
อำนาจเวทมนตร์คาถา ส่งผลต่ออนาคตได้
ชาวเกษตรกรก็อยากทราบว่า
ต้นกล้าของตนจะออกผลดีหรือไม่ อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเเต่งงาน
เเละอนาคต ว่าจะเป็นอย่างไร
เเละ
ใครจะเสียชีวิตในปีที่จะมาถึง
ส่วนในกลุ่มของนักธุรกิจจะทำนายอนาคตในเรื่องการเสี่ยงในการทำงาน
พระจันทร์ข้างขึ้นเเรกหลังจากตำเเหน่งเเสงพระอาทิตย์ที่ใกล้ขั่วโลกเหนือที่สุดในฤดูหนาว
(vintersolståndet) หรือที่เรียกว่า "nyårsnyet"
ที่ Småland มีการทำนายอนาคตและเล่ากันว่า
ชาวเกษตรกรทำนายว่า
จำนวนวันที่พระจันทร์ข้างขึ้นที่ถูกบกบังด้วยเมฆมีจำนวนกี่วัน
ก็จะต้องนำเมล็ดข้าวไปปลูกลงในดินให้มีจำนวนวันเท่านั้น
เด็กสาวที่ต้องการทราบอนาคตก็จะ
พยักหน้า 3 ครั้ง
ให้กับพระจันทร์โค้งข้างขึ้น
เเละ อ่าน
กลอนที่อยู่ข้างล่างนี้ |
God dag, nyårsny
Säg mig vems bröd jag ska baka
Vems säng jag ska bädda
Vems barn jag ska föda
|
สวัสดี,
เจ้าพระจันทร์ข้างขึ้นของปีใหม่
บอกฉันซิว่าฉันจะทำขนมปังให้ใครดี
ฉันจะปูผ้าปูที่นอนบนเตียงให้ใครนอน
ลูกของใครที่ฉันจะให้กำเนิด
|
(นำมาจากหนังสือ "Den stora julboken"
เขียนโดย Jan-Öjwind Swahn) |
จากทางตะวันตกเฉียงใต้เล่ากันว่า
เด็กผู้หญิงที่ออกไปข้างนอกเวลาเที่ยงคืน
เเล้วกวาดเศษขยะออกจากธรณีประตููไปที่สวน
วันรุ่งขึ้นมันก็จะกลับมาเองอีก |
การรอต้อนรับปีใหม่ เป็นประเพณีในหมู่นักธุรกิจที่ทำการค้า
เเละ
ได้เผยเเพร่ออกมาในชนทุกระดับชั้น
เริ่มเเรกเผยเเพร่ทางวิทยุ
การเคาะระฆังตั้งเเต่ปี
ค.ศ 1927 เเละ ในปีต่อๆมา
จากปี ค.ศ 1950 จากการที่
โบสถ์เคาะระฆัง เเละ
การออกอากาศทางโทรทัศน์จาก
Skansen
ยามกลางคืนก็มีการเฉลิมฉลอง
ในบรรยากาศจากสถานที่สาธารณะต่างๆ
เมื่อใกล้เที่ยงคืนมีการนับถอยหลัง
เเละ จุดดอกไม้ไฟกัน
|